เมื่อ วันที่ 29 เม.ย. ที่ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.หัวหิน และตำรวจท่องเที่ยวได้ร่วมกันสอบปากคำ นายไชยา หรือ บอย ใจบุญ อายุ 20 ปี 1 ใน 4 คนร้ายที่จับกุมตัวได้ล่าสุด หลังร่วมกับพวกอีก 3 คน ที่ถูกจับไปแล้ว มีนายสุภัททา หรือ หม่อง ใบทอง อายุ 32 ปี นายยิ่งใหญ่ หรือ เอ็ม แสงคำอินทร์ อายุ 32 ปี และ นายศิวะ หรือ เหน่ง นกศรี อายุ 20 ปี รุมทำร้ายครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 3 พ่อแม่ลูกบาดเจ็บสาหัส ขณะเล่นน้ำสงกรานต์กับประชาชนจำนวนมาก ภายในซอยบิณฑบาต แหล่งบาร์เบียร์ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ (28 เม.ย.)

จากการสอบสวน เบื้องต้น นายไชยา ให้การรับสารภาพด้วยใบหน้าเศร้าสลดว่า ร่วมกับพวกทำร้ายครอบครัวชาวอังกฤษจริง เนื่องจากเมาขาดสติเพราะดื่มเบียร์ไปหลายขวด พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษสำนึกผิด และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิด เหตุ แต่ต้องยกเลิกกลางคันเนื่องจากรับแจ้งว่า มีประประชาชนเป็นจำนวนมากที่ทราบข่าวมารอ และเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ จึงมีเพียงคณะรอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุเท่านั้น

พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด และให้การรับสารภาพซึ่งได้ตั้งหาข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ได้เน้นย้ำนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี กำชับตำรวจทุกท้องที่ให้ดูแลความปลอดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ คดีนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ดูแลผู้เสียหายอยู่ ส่วนตำรวจกองการต่างประเทศได้ประสานทางสถานทูตรายงานทราบความคืบหน้าของคดี ที่ขั้นตอนครบถ้วนแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า ผู้ต้องหา 3 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้และส่งฟ้องศาลฝากขังที่เรือนจำจ.ประจวบฯ มี นายสุภัททา หรือ หม่อง ใบทอง ผู้ต้องหาคนเดียวที่ได้รับประกันตัวชั้นศาล ส่วนนายลูอิสจอน โอเว่น คนเจ็บ หลังให้ปากคำเดินทางกลับประเทศอังกฤษแล้ว ขณะที่นายลูอิส โอเว่น กับ นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น 2 สามีภรรยาที่ถูกทำร้ายและอาการปลอดภัยจะต้องเดินทางไปให้ปากคำในฐานะพยานที่ ศาลจังหวัดหัวหินในวันนี้ ก่อนเดินทางกลับประเทศอังกฤษในวันที่ 3 พ.ค.59 ซึ่งทางอัยการได้นัดเลื่อนให้ปากคำไปวันที่ 2 พ.ค.

ขณะ ที่ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นอภ.หัวหิน กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านบาร์เบียร์กว่า 200 ราย ในซอยดังกล่าวไม่มีผู้ใดได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิง เนื่องจากอยู่ใกล้วัดและตามกฎหมายจะต้องปิดบริการทันทีในเวลาเที่ยงคืน แต่ที่ผ่านมาหลังจากมีการเปิดบริการบาร์เบียร์มานานหลายสิบปีทราบว่ามีการ ผ่อนผันมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่าง ชาติจำนวนมาก และก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต้องการรื้อบาร์เบียร์ตามมาตรการ ซึ่งมีการจัดโซนนิ่งจากการจัดระเบียบสังคม แต่เกรงปัญหาผลกระทบจากมวลชนที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าว โดยผู้ประกอบการบางส่วนเช่าที่ดินจากเอกชนและจากวัดและการดำเนินการจับกุม ผู้ฝ่าฝืนเปิดเกินเวลา จะมีปัญหาผู้ประกอบการทราบล่วงหน้าทุกครั้ง.